เพื่อให้เครื่องรัดกล่องทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ยืดอายุการใช้งาน และลดความเสี่ยงในการพังหรือเสียระหว่างงาน การบำรุงรักษาเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยเฉพาะกับเครื่องที่ใช้งานทุกวัน
🔄 รายวัน (ก่อนเริ่มงาน)
✅ ตรวจสอบว่าไม่มีสิ่งกีดขวางบริเวณช่องรัดสาย
✅ ตรวจสอบว่าไม่มีเศษสายรัดติดค้าง
✅ ตรวจระดับสายรัดว่าอยู่ในตำแหน่งปกติ
✅ เช็ดฝุ่นบริเวณปุ่มควบคุมและตารางวางกล่อง
🗓 รายเดือน (ทุก 30 วัน)
เน้นเรื่อง ความสะอาด, แรงดึง, และ ความร้อน
1. ทำความสะอาดภายในเครื่อง
เปิดฝาด้านบน/ด้านข้าง (กรณีเครื่องกึ่งอัตโนมัติ)
ใช้ลมเป่าหรือแปรงปัดฝุ่นออกจากกลไก
เช็ดคราบกาว, คราบสายรัดที่ละลายติดตามลูกกลิ้งหรือฮีตเตอร์
2. ตรวจสอบลูกกลิ้ง (Feeding Rollers)
ลูกกลิ้งต้องไม่มีรอยแตก รอยบิ่น หรือหมุนฝืด
ถ้าแห้งหรือเสียงดัง อาจต้องเติมน้ำมันหล่อลื่นแบบบาง (ไม่เหนียว)
3. ตรวจสอบฮีตเตอร์ (Heater Element)
เช็คว่าหน้าสัมผัสยังร้อนเร็ว และไม่มีคราบละลายของสายรัดติด
ถ้าเครื่องร้อนช้าหรือไม่ตัดสาย อาจต้องเปลี่ยนอะไหล่
4. เช็คความตึงสาย
ทดสอบโดยการรัดกล่องตัวอย่าง แล้วดูว่าแน่นพอดีหรือหลวม
หากหลวม ให้ปรับปุ่มความตึง (Tension Knob) ให้เหมาะสม
📆 รายปี (ทุก 12 เดือน)
เหมาะกับการเช็กใหญ่ หรือก่อนเข้าสู่ช่วงใช้งานหนัก (ปลายปี/โปรโมชั่น)
1. ถอดทำความสะอาดเชิงลึก
ถอดฝาครอบ ตรวจภายในอย่างละเอียด
ใช้แอลกอฮอล์เช็ดจุดสัมผัสสายรัด
ถอดลูกกลิ้งและแบริ่งออกมาทำความสะอาด
2. เปลี่ยนอะไหล่ที่สึกหรอ
ฮีตเตอร์, มีดตัด, ลูกกลิ้ง, สายไฟเก่า
หากเครื่องร้อนช้าหรือรัดไม่แน่น อาจถึงเวลาต้องเปลี่ยน
3. ตรวจสอบระบบไฟและสายต่อ
ตรวจว่าปลั๊ก, สายไฟ, ระบบป้องกันไฟรั่ว อยู่ในสภาพดี
ตรวจดูว่ากราวด์ทำงานหรือไม่ (ป้องกันไฟดูด)
⚠️ คำแนะนำเพิ่มเติม
ห้ามใช้น้ำล้างเครื่องโดยตรง
ใช้สายรัดที่คุณภาพดีเพื่อลดเศษตกค้าง
หากไม่ได้ใช้นาน ควรถอดปลั๊กเก็บในที่แห้ง