เครื่องรัดกล่องดูเหมือนใช้ง่าย แต่ถ้าคุณซื้อผิดรุ่น ผิดระบบ หรือไม่ได้ดู 3 เรื่องนี้ให้ดี อาจเสียทั้งเงิน เสียเวลา และทำให้ระบบแพ็คสินค้าเสียหายได้เลย!
รู้ไหมว่าสินค้าคุณ “เหมาะกับเครื่องประเภทไหน?”
❶ เครื่องรัดกล่องมีหลายแบบ เช่น:
✅ กึ่งอัตโนมัติ (Semi-Auto): เหมาะกับโรงงานเล็ก-กลาง ต้องวางกล่องและร้อยสายเอง
✅ อัตโนมัติ (Auto): ทำงานเร็ว แต่ราคาสูง ต้องมีสายพานและไลน์การผลิตต่อเนื่อง
✅ แบบมือโยก: ใช้กับของใหญ่ หนัก หรือไม่มีระบบไฟฟ้า
ถ้าซื้อผิดประเภท = ใช้งานลำบาก แถมช้า!
❷ คุณใช้ “สายรัด” แบบไหนอยู่?
สายรัดมีหลายแบบ เช่น PP, PET, หรือสายเหล็ก
แต่เครื่องรัดกล่องแต่ละรุ่น ไม่รองรับทุกชนิด
ถ้าใช้สายหนาเกินไป → ตัดไม่ขาด
ถ้าใช้สายบางเกินไป → ดึงแล้วหลุดง่าย
เลือกเครื่องให้เข้ากับสายที่คุณใช้ หรือต้องพร้อมเปลี่ยนสายให้ตรงกับเครื่อง
❸ บริการหลังการขายสำคัญกว่าที่คิด!
บางคนซื้อเครื่องจากต่างประเทศ หรือจากร้านที่ไม่รับประกัน แล้วเจอปัญหาเช่น:
เครื่องเสีย หาอะไหล่ไม่ได้
ไม่มีช่างดูแล
ไม่มีคำแนะนำการใช้งานเบื้องต้น
เครื่องรัดกล่องคือ “ของใช้งานหนัก” อย่ามองแค่ราคาถูก ควรเลือกที่มีการ รับประกัน, อะไหล่รองรับ, และบริการหลังการขาย
🔧 สรุปก่อนซื้อ:
✅ รู้ประเภทเครื่องให้ตรงกับงาน
✅ ตรวจสอบความเข้ากันของสายรัด
✅ มั่นใจว่ามีคนดูแลหลังซื้อ